top of page
Bhawna Bijlani

Work-Eat Balance: 5 วิธีดูแลการกินให้เฮลธ์ตี้ฉบับมนุษย์ออฟฟิศ

อัปเดตเมื่อ 2 ส.ค. 2564

เปลี่ยนคุณให้เป็นมนุษย์ออฟฟิศที่เฮลธ์ตี้ด้วย 5 วิธีง่าย ๆ

ชีวิตของมนุษย์ออฟฟิศส่วนใหญ่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมนาน ๆ 8-9 ชั่วโมง ไม่ค่อยได้ขยับไปไหน หลาย ๆ ท่านอาจไม่ได้ใส่ใจในเรื่องการกิน เน้นหากินง่าย สะดวกต่อตัวเอง เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารทอดต่าง ๆ ซึ่งหากท่านไม่ดูแลและวางแผนการกินไปเรื่อย ๆ อาจมีโรคร้ายตามมาในอนาคต เช่น โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, คอเลสเตอรอลสูง, โรคความดันโลหิตสูง, หรือโรคกระดูกพรุน เป็นต้น บทความนี้เราจะมาแนะนำ 5 วิธีในการดูแลการกินให้สุขภาพดีแม้จะนั่งทำงานออฟฟิศตลอดทั้งวัน


1. แบ่งเวลาเพื่อเตรียมมื้อเช้าด้วยตัวเอง

มนุษย์ออฟฟิศหลาย ๆ ท่าน มักจะละเลยอาหารมื้อเช้าไป ไม่ว่าจะด้วยเวลาที่จำกัด หรือใด ๆ ก็ตาม แต่เชื่อว่าหลายท่านรู้อยู่แล้วว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ ช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น การซื้อข้าวกล่องที่ขายตามแนวรถไฟฟ้า หรือตลาดนัดใกล้ ๆ ออฟฟิศตอนเช้า อาจจะสะดวกแต่ไม่ค่อยเฮลธ์ตี้เท่าไหร่


▶ เมนูอาหารสุขภาพดีง่าย ๆ ที่สามารถเตรียมได้เอง ได้แก่ ไข่ต้ม, ขนมปังโฮลวีต, นมจืด, นมถั่วเหลือง, กล้วย, ถั่ว, หรืออกไก่สำเร็จรูปพร้อมทาน เป็นต้น หรือหากไม่มีเวลาจัดเตรียมอาหารด้วยตัวเองอาจซื้อเป็นพวกสลัดโรล หรือข้าวกล่องคลีน ๆ แทน ซึ่งในปัจจุบันมีร้านอาหารเพื่อสุขภาพจำหน่ายหลากหลายมากขึ้น


2. กินอาหารว่างระหว่างวัน

หลายคนอาจคิดว่าอาหารว่างเป็นมื้อที่ไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้อ้วนขึ้นได้ แต่ความจริงแล้วอาหารว่างเป็นมื้อสำคัญที่จะช่วยเพิ่มกระบวนการเผลาผลาญ (metabolism) ให้ร่างกาย และเพิ่มพลังงานให้คุณทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ไม่หิวโหยระหว่างทำงาน โดยอาหารว่างควรมีสองมื้อด้วยกันระหว่างมื้อกลางวันและมื้อเย็น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกิน ชานมไข่มุก, ขนมปังโดนัท, หรือครัวซองต์ เป็นอาหารว่างนะ ควรเลือกกินของที่มีประโยชน์


▶ อาหารว่างที่แนะนำ ได้แก่ ผลไม้สด, ผลไม้อบแห้ง, ถั่วต่าง ๆ, นมจืด, โยเกิร์ต, หรือจะเป็นขนมธัญพืชอบกรอบ/ธัญพืชอัดแท่ง ก็ได้ มีให้เลือกมากมายตามร้านสะดวกซื้อ ถ้าอยากเพิ่มความอร่อยและสดชื่นแนะนำผลไม้ปลอกใส่กล่องแช่เย็นไว้กินรองท้องระหว่างทำงาน เพิ่มเอเนอร์จี้ให้ร่างกาย


3. มื้อกลางวันสารอาหารต้องหลากหลาย

ไม่ว่าจะยุ่งกับงานแค่ไหนก็ตาม ควรแบ่งเวลาออกมากินข้าวกลางวันให้ตรงเวลา หลายท่านอาจเคยชินกับการกินข้าวขาหมู, ข้าวมันไก่, หรือไก่ทอด/หมูทอด รวมทั้งอาหารทอดน้ำมันเยิ้มอื่น ๆ เพราะหาทานได้ง่ายตามร้านหรือตามข้างทาง แต่ทางที่ดีควรเลือกกินอาหารคลีน ๆ และสารอาหารหลากหลายเพื่อสุขภาพที่ดี


▶ อาหารกลางวันที่แนะนำ ได้แก่อาหารคลีน ๆ อย่างอาหารต้ม, ปิ้ง, หรือย่าง แทน เน้นเป็นปลาหรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โดยไม่ต้องลืมผักใบเขียวในมื้ออาหาร หรือแม้แต่โยเกิร์ตเพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน เลือกกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว และขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังขาว

4. เปลี่ยนจากชา/กาแฟ เป็นน้ำหมักผลไม้

เครื่องดื่มคู่ใจของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศคงหนีไม่พ้นชา, กาแฟ, หรือเครื่องดื่มหวาน ๆ อย่างชานมไข่มุก แต่รู้หรือไม่ว่าเวลาที่เราดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไปในร่างกาย จะทำให้ร่างกายขาดน้ำและยังปิดกั้นการดูดซึมของธาตุเหล็ก นอกจากนี้การบริโภคคาเฟอีนมาก ๆ ทำให้เกิดนิ่วในไต


▶ ข้อแนะนำ ลดปริมาณชาและกาแฟต่อวันลง จาก 3 แก้วต่อวัน เหลือ 1-2 แก้วต่อวัน เปลี่ยนมาทำน้ำหมักผลไม้ดื่มเอง (Infused Water) โดยการแช่ผลไม้ที่ชอบลงในเหยือกน้ำเปล่า เช่น มะนาว, แอปเปิ้ล, สับประรด, ทับทิม, ส้ม, กีวี่, หรือผักต่าง ๆ ได้ทั้งความสดชื่นและรับวิตามินต่าง ๆ จากผักและผลไม้


5. ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ เพิ่มการเผลาผลาญที่ดี

หลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินประโยคนี้รอบที่แปดหมื่นแล้วว่าการดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย ถึงแม้จะรู้อย่างนั้น เราก็อาจจะเผลอละเลยการดื่มน้ำเปล่าในแต่ละวันไป การดื่มน้ำเปล่าให้พอต่อวันจะช่วยเพิ่มระบบการเผลาผลาญให้ร่างกาย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย


เพิ่มการดื่มน้ำเปล่าให้สดชื่น ดื่มง่ายขึ้น ด้วยการบีบมะนาวลงไปเพิ่มรสชาติและความตื่นเต้นให้กับร่างกาย ปริมาณการดื่มน้ำที่แนะนำต่อวันคือ 2.5 - 3 ลิตร หรือเท่ากับน้ำเปล่าขวดใหญ่ 2 ขวดนั่นเอง

 

ปรึกษาเรื่องการกินกับนักกำหนดอาหาร

ท่านใดที่ต้องการปรึกษาด้านโภชนาการโดยนักกำหนดอาหารผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้

✔ ดาวน์โหลดและลงทะเบียนบนแอป Doctor Anywhere (iOS | Android)

✔ เข้าหน้าแอปเลือก 'บริการ' > 'รับคำปรึกษาทางออนไลน์' > 'ฟินอีท & ฟิตเฟิร์ม'

✔ จากค้นหานักโภชนาการที่ต้องการปรึกษา เพื่อเลือกทำการนัดหมายตามวันและเวลาที่สะดวก โดยจะนัดหมายได้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทำการลงเวลาว่างไว้เท่านั้น

✔ ค่าบริการปรึกษาต่อครั้ง 350 บาท / 15 นาที


ทำไมถึงต้องปรึกษากับ Doctor Anywhere?

ที่ Doctor Anywhere เรามีผู้เชี่ยวชาญรองรับการให้บริการปรึกษาออนไลน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ผู้ชำนาญทั่วไป, นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต, และนักกำหนดอาหาร


ข้อดีของการปรึกษาออนไลน์บนแอป Doctor Anywhere

ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง รวมถึงการรอคิวต่าง ๆ

ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (ค่ารถ/ค่าน้ำมัน/ค่าทางด่วน)

สะดวกสบาย มีบริการส่งยาให้ถึงบ้าน

ไม่คิดค่าใช้จ่าย หากแพทย์มีความเห็นว่าโรคของคุณไม่เหมาะกับการวินิจฉัยออนไลน์

บริการหลากหลายทั้ง ปรึกษาโรคทั่วไป, สุขภาพจิต, ความงาม, และโภชนาการ

 


ดู 2,081 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page